• จำหน่ายบุหรี่ไฟฟ้า น้ำยาบุหรี่ไฟฟ้า การันตีสินค้าคุณภาพ อันดับ1 ของเมืองไทย
  • จัดส่งสินค้าทุกวัน เปิดให้บริการ 24 ชั่วโมง

เส้นทางกว่าจะเป็น บุหรี่ ในปัจจุบัน

บุหรี่

เรื่องราวของ บุหรี่ อย่างบุหรี่ไฟฟ้าหากให้เล่าเท้าความถึงความเป็นมาคงต้องเริ่มเล่าจากต้นตอของการสูบบุหรี่กันซะก่อน ก่อนที่โลกจะพัฒนามาเป็นบุหรี่ไฟฟ้าแบบที่ใช้งานกันมาในยุคปัจจุบัน จุดเริ่มต้นของเรื่องนี้ต้องเล่าตั้งแต่การค้นพบยาสูบกันซะก่อน

ยาสูบนั้นเป็นพืชใบที่ชาวอินเดียแดงได้เป็นผู้ริเริ่มใช้กันมาเป็นพวกแรก โดยพวกเขามักจะปลูกเพื่อใช้เป็นยาและใช้ในพิธีกรรมต่างๆ และเมื่อปี พ.ศ. 2035 คริสโตเฟอร์ โคลัมบัสได้เดินทางไปขึ้นฝั่งที่ซันซัลวาดอร และได้ไปเห็นชาวอินเดียแดงเอาใบยาสูบนี้มามวน จุดไฟและดูดควันจากพวกมัน และต่อมาในปี พ.ศ. 2091 ที่ประเทศบราซิลซึ่งเป็นอาณานิคมของโปรตุเกตุช่วงเวลาในตอนนั้นได้มีการริเริ่มปลูกยาสูบ และได้เริ่มแพร่หลายออกไปทั้งโปรตุเกสและสเปน ต่อมากาลเวลาก็ผันผ่านมาถึงปี พ.ศ. 2103 เอกอัครราชทูตฝรั่งเศสจากประเทศโปรตุเกส นายณอง นิโกต์ ได้นำเมล็ดยาสูบ เข้ามายังราชสำนักฝรั่งเศส และได้มีการค้นพบสารที่อยู่ในตัวของ บุหรี่ จึงได้นำชื่อของนายนิโกต์ มาตั้งเป็นชื่อเรียกสารตัวนั้นว่า นิโคติน นั่นเอง

ต่อมาไม่นานในปี พ.ศ. 2107 ได้มีชายที่ชื่อ เซอร์จอห์น ฮอคกินส์ ซึ่งเป็นชาวอังกฤษ ได้ริเริ่มนำเอา บุหรี่ เข้าไปเผยแพร่ในประเทศอังกฤษ จึงทำให้เป็นที่รู้จักกันอย่างแพร่หลายแต่ในยุคนั้น ยาสูบถือเป็นของที่หายาก เป็นพืชเศรษฐกิจที่จะมีเฉพาะคนที่ยศสูง ๆ เจ้านาย หรือคนมีเงินเท่านั้นที่จะมีโอกาสได้ลิ้มลองรสสัมผัสของมัน และในปี 2155 นาย นายจอห์น รอลฟ์ ชาวอังกฤษประสบผลสำเร็จในการปลูกยาสูบเชิงพาณิชย์เป็นครั้งแรก 7 ปีต่อมา ก็ได้ส่งออกผลผลิตไปยังประเทศอาณานิคมเป็นจำนวนมหาศาล จึงทำให้ยาสูบเป็นอะไรที่สามารถเข้าถึงคนได้ทุกชนชั้นมากยิ่งขึ้น

แล้ว บุหรี่ หรือยาสูบเข้ามาในประเทศไทศได้อย่างไร ในไทยได้เริ่มมีการใช้ยาสูบมาตั้งแต่สมัยอยุธยา โดยมีหลักฐานเป็นจดหมายเหตุได้มีการเขียนเล่าว่า คนไทยชอบใช้ยาสูบอย่างฉุนทั้งหญิงและชาย โดยได้ยาสูบมาจากเมืองมนิลา ในหมู่เกาะฟิลิปปินส์ จากประเทศจีน และที่ปลูกในประเทศเอง ในรัชสมัยพระบาทสมเด็จพระจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าสิงหนาทราชดรุงค์ฤทธิ์ได้ทรงประดิษฐ์บุหรี่ก้นป้านขึ้น เพื่อสูบควันและอมยากับหมากพร้อมกัน และต่อมาในปีของรัชกาลที่5 ได้มีการผลิตบุหรี่ขึ้นโดยมีชาวอังกฤษเป็นเจ้าของ และดำเนินการมาเป็นบริษัทในปี พ.ศ. 2460 ในช่วงนั้นการผลิตบุหรี่นั้นใช้วิธีการผลิตด้วยการมวนด้วยมือ และในรัชสมัยของพระบาทสมเด็จพระจุลจอมเกล้าเจ้าอยู่หัว ได้มีการนำเข้าเครื่องผลิตบุหรี่เข้ามาจากประเทศ เยอรมนี จึงทำให้ช่วงนั้นเป็นช่วงที่บุหรี่มีความป๊อปปูล่ามากยิ่งขึ้น จวบจนปี พ.ศ. 2482 รัฐบาลไทยได้ตั้ง โรงงานยาสูบขึ้น โดยซื้อกิจการจากห้างหุ้นส่วนบูรพายาสูบจำกัดและดำเนินกิจการอุตสาหกรรมยาสูบภายใต้การควบคุมของกรมสรรพสามิต กระทรวงการคลัง และต่อมารัฐบาลได้กวาดซื้อกิจการโรงงานยาสูบทั้งหมดเพื่อควบคุมให้อยู่ภายใต้กิจการว่า โรงงานยาสูบ ถึงปัจจุบัน

และกาลเวลาผ่านไปได้เริ่มมีการตีแผ่โทษของบุหรี่มากขึ้นไม่ว่าจะเป็นสารต่างๆ ที่เกิดจากการเผาไหม้และการใช้งานเป็นวลานานๆ ในปี พ.ศ. 2506 ในสหรัฐอเมริกา นายHerbert A. Gilbert ได้คิดค้นผลิต บุหรี่ ไฟฟ้าเครื่องแรกขึ้นซึ่งโดยเครื่องจะใช้ความร้อน ความชุ่มชื่น และไอในอากาศแต่ไม่เป็นที่นิยมมากนักเพราะสิ่งประดิษฐ์ของเขาไม่สามารถแก้ปัญหาเรื่องของนิโคตินได้ เพราะคนที่สูบจะติดกับนิโคตินทำให้สิ่งประดิษฐ์ของเขาค่อยๆ ถูกลืมไป จนปี พ.ศ. 2546 Hon Lik เภสัชกรชาวจีน ประดิษฐ์บุหรี่ไฟฟ้าที่มีสารนิโคตินขึ้นมาโดยได้รับแรงบันดาลใจจากการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็งปอดของบิดา โดย Hon Lik อธิบายเกี่ยวกับบุหรี่ไฟฟ้าไว้ว่า การสูบบุหรี่ไฟฟ้าเป็นการสูบนิโคตินที่สะอาดและปลอดภัยกว่า และได้วางขายในประเทศจีนเป็นประเทศแรกในปีถัดไป ตามด้วยประเทศในยุโรปและสหรัฐอเมริกาในปี พ.ศ. 2549 – 2550 และได้มีการแพร่กระจายออกไปทั่วโลกแต่น่าเสียดายที่บางประเทศบุหรี่ไฟฟ้าถือเป็นสิ่งผิดกฎหมาย ทั้งที่มีการวิจัยมากมาย บ่งชี้ว่าการสูบบุหรี่ไฟฟ้านั้นมีอันตรายน้อยกว่าการสูบบุหรี่มวน